วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กำไรชีวิต


กำไรชีวิต 
DSC03383.JPG
 

         



                                                                     


                     นางสิริพร  ทาชาติ

    โรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์
อำเภอประจักษ์ศิลปาคม        จังหวัดอุดรธานี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2
คำนำ
           หนังสือเล่มเล็ก  เรื่อง กำไรชีวิต ฉบับนี้  ผู้เขียนได้ยึดเนื้อหาจากคำสอนของพระพุทธเจ้า  และพ่อแม่ครูบาอาจารย์  ท่านกล่าวว่า  “กรรมใดๆ  ล้วนมีเหตุ  เป็นแดนเกิดใช่บังเกิด  ดลบันดาล  จากสิ่งไหน  เมื่อเหตุดับ  กรรมจึงดับ  รับทันไปทรงสอนไว้  ซึ่งทางดับระงับกรรม”  พร้อมเขียนความหมายและความสำคัญของกำไรชีวิตไว้อย่างชัดเจน  และมีภาพประกอบที่สวยงาม     
            หนังสือเล่มเล็ก  เรื่อง กำไรชีวิต  ฉบับนี้ จะบอกผู้อ่านว่า  เราต้องเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์  บาปบุญคุณโทษ  เราจะต้องไม่ประมาท 
                                                                                                                                                        
                                              นางสิริพร  ทาชาติ                                                                                                           
                                               2  มกราคม   2555 

วัตถุประสงค์  
          
            หนังสือเล่มเล็กเรื่อง  กำไรชีวิต   จัดทำขึ้นโดย
มีวัตถุประสงค์ 
            เพื่อกระตุ้นและปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน 
            เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกำไรชีวิต  ให้กับเด็กและเยาวชน  ได้เห็นในคำสอนของพระพุทธเจ้า
            เพื่อมอบธรรมอันล้ำค่าแก่ทุกท่าน 
DSC03350.JPG         






นางสิริพร  ไปเผยแพร่ผลงานที่อิมแพ็คเมืองทองธานี
ความหมายและความสำคัญของกำไรชีวิต
           
         เราทำชีวิตให้ดี  เป็นกำไรชีวิต  คือ  เกิดมาแล้วให้มีบุญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน  ดังคำพระท่านว่า  บางคนเกิดมา  สว่างมา  สว่างไป  บางคนเกิดมามืดแต่สว่างไป  เราทำชีวิตให้ดีขึ้นได้ด้วยการทำความเข้าใจ  และปรับชีวิตเราให้สอดคล้องกับความดี  สอดคล้องกับการมีกำไรชีวิตนั่นเอง  เพราะกรรมที่เราทำก็มีผลเปลี่ยนแปลง  บุญกรรมในอดีตของเราได้เช่นกัน  ชีวิตจึงอยู่ที่เราทำด้วยเป็นอย่างมาก
DSC01804.JPG               





DSC04077.JPG       ชีวิตคนเราเกิดมาแล้ว  ไม่ว่าจะดีไม่ดี  จะสุขทุกข์อย่างไรก็แล้วแต่  เราก็รักชีวิตของเรากันทุกคน  ทุกคนต่างก็ปรารถนาความดี  ความสุข  ความมั่นคง  รายได้ที่ดี  สุขภาพที่ดี  และยังต้องการให้ครอบครัวของเรา  คนที่เรารักได้สิ่งที่ดีด้วย  บางคนรู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดทุน  บางคนรู้สึกว่ากำไร  ทำอย่างไรให้ชีวิตเราได้ดีมีกำไรที่สุด  แน่นอนที่สุด  กำไรจะได้มา  ต้องมีการกระทำ  กระทำให้เกิดกำไร





      นายคำไพ  และนางสิริพร  พาครอบครัวไปทำบุญที่วัดป่าชนะสงคราม  จังหวัดสุโขทัย
          ความจริงคนเราไม่ได้เกิดมาตัวเปล่า  แต่มีสิ่งที่มี
อานุภาพสูงสุดติดตัวมาคือ  บาปและบุญ  บุญเกิดจากกรรมดีที่เราเคยทำไว้  และบาปเกิดจากกรรมชั่ว  ทั้งบาปและบุญจะเลือกครอบครัวที่เราเกิด  และเลือกสุขภาพหน้าตาร่างกายของเรา  ตามแต่ที่เราทำมา  เลือกวิถีชีวิตเลือกคู่ครอง  เลือกอาชีพการงานทุกอย่างเลยให้กับเรา  แต่เราไม่รู้ตัว  บางคนรู้ได้ด้วยการดูดวง  ดวงเกิดจากบุญที่ทำเอาไว้  และมีวิชาบางอย่างที่พอจะทำนายได้  การที่ในโลกนี้มีการดูดวงได้แม่นยำ  ยิ่งเป็นการบอกว่าบาปบุญมีจริง  คนเราเกิดมามีบุญคุ้มครอง  มีบุญและกรรมรอทยอยส่งผล
DSC01204.JPG
 





        เราทำชีวิตให้ดี  เป็นกำไรชีวิต  คือ  เกิดมาแล้วให้มีบุญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน  ดังคำพระท่านว่า  บางคนเกิดมา  สว่างมา  สว่างไป  บางคนเกิดมามืดแต่สว่างไป  เราทำชีวิตให้ดีขึ้นได้ด้วยการทำความเข้าใจ  และปรับชีวิตเราให้สอดคล้องกับความดี  สอดคล้องกับการมีกำไรชีวิตนั่นเอง  เพราะกรรมที่เราทำก็มีผลเปลี่ยนแปลง  บุญกรรมในอดีตของเราได้เช่นกัน  ชีวิตจึงอยู่ที่เราทำด้วยเป็นอย่างมาก
DSC03522.JPG
 








นางสิริพร  พานักเรียนไปปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำกลองเพล
DSC08364.JPG           พระพุทะองค์ทรงสอนว่า  ทุกอย่าง  ธรรมทุกอย่าง  กรรมทุกอย่างมีสาเหตุ  ไม่ได้เกิดจากการดลบันดาล  ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ  กรรมที่เราเคยทำกับใคร  กับคน  กับสัตว์ก็ตาม  เราก็ต้องได้รับกรรมนั้น  ทุกเวลานาที  ทุกวินาที  ล้วนเป็นการเสวยผลกรรมทั้งนั้น  ดังนั้น  หลักการ  คือ  เราทำความดีให้มากและไม่ทำกรรมชั่ว  เรื่องความดี  ถ้าเราไม่ทำ  เราก็ไม่ได้รับ  สิ่งที่ดีก็จะเฉย ๆ  ไม่ได้ขาดทุนอะไร  แต่ถ้าทำกรรมชั่ว  ต้องรับกรรมชั่ว  ทรมาน  ลำบาก  ทุกข์เข็ญทั้งกายและใจ  ต้องเจ็บ  ต้องพิการ  ต้องพลัดพราก  ต้องทรมานใจ  ดังนั้น  สิ่งสำคัญที่สุด  คือ  อย่าทำกรรมชั่ว  ให้กลัวบาป  ละอายต่อการทำบาป 



        ความชั่วมีสิ่งใดบ้าง  มี  การฆ่าสัตว์ทำร้ายสัตว์  การขโมย  หรือลักทรัพย์  การพูดโกหกพูดส่อเสียด  (ให้เขาเจ็บใจ  และหรือทำลายสามัคคี  ทำลายประโยชน์)  การพูดเพ้อเจ้อ  (ไร้สาระจนทำลายความดีที่ควรได้รับ)  การพูดคำหยาบ  ผิดในกามคุณ  คือ  ประพฤตินอกใจคู่ครองเราและคนอื่น  การดื่มสุรา  และเครื่องดื่มอันทำให้เกิดความมึนเมาขาดสติ  ความโลภอย่างมากจนเพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น  ความพยาบาทคิดปองร้ายผู้อื่น  รวมทั้งความเห็นผิดไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษ 
DSC04303.JPG          รูปปั้นเปรตที่วัดป่าหลักร้อย  จังหวัดนครราชสีมา 



DSC04333.JPGไม่เชื่อกรรม  ไม่เชื่อพระรัตนตรัย  ปรามาสดูถูกสิ่งเหล่านี้  ตลอดจนขวางการทำบุญ  การทำกุศลของผู้อื่น  ทั้งหมดนี้ผู้ทำก็ดี  ผู้ยินดีก็ดี  ผู้เผยแพร่ก็ดี  ในสิ่งบาปเหล่านี้  จะมีนรกทุคติ  เป็นที่ไปทั้งสิ้น  ไม่อาจเลี่ยงได้เลย  เมื่อใดกรรมชั่วส่งผล  ต้องรับกรรมทันที  กรรมจะตามไปในอนาคต  ได้เป็นร้อยชาติ  พันชาติ  มีวิธีเดียวจะเลี่ยงได้  คือ  ทำดีมาก ๆ  จนกรรมตามไม่ทัน  จนในที่สุด  ตัดอาสวะกิเลส  เข้าสู่พระนิพพาน  เท่านั้น  กรรมเหล่านี้จึงจะส่งผลไม่ได้





นางสิริพร  พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่วัดป่าหลักร้อย
DSC04202.JPG       เราทุกคนยังไม่ใช่นักบวช  ไม่ใช้พระ  ยังต้องทำมาหากิน  เรียกว่าครองเรือน  มีอาชีพ  ความจริงการทำงาน  ก็เป็นการปฏิบัติธรรมถ้าเป็นงานที่ดี  เพราะการงานที่ดี  อาชีพดี  อยู่ในข้อของมรรคแปด  ในข้อที่ชื่อว่า  สัมมากัมมันตะ  และ  สัมมาอาชีวะ  คือ  การงานที่สุจริต  ที่ชอบ  ไม่ฆ่า  ไม่เบียดเบียนสัตว์  ไม่ลักทรัพย์  ไม่โกง  ไม่หลอกลวง  ไม่โกหก  ไม่ดื่มสุราเมรัย  นอกจากนี้การไม่ค้าขายคนหรือการไม่ค้าขายสัตว์เพื่อการฆ่า  ไม่ขายยาพิษ  ไม่ขายอาวุธ  ทั้งหมดนี้เป็นการงานที่ดี  ไม่มีโทษ


 

นางสิริพร  และนักเรียนชั้น ป. แสดงผลงานทางวิชาการ
         เมื่อเราทำการงานที่ดี  ไม่มีโทษแล้ว  ให้เราทำงานด้วยหน้าที่  ด้วยสติ  ด้วยปัญญา  ด้วยความขยันหมั่นเพียร  พอใจในทรัพย์ที่ตนหามาไม่เพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์ของคนอื่น  รู้ว่าเราเป็นใคร  สมควรทำอย่างไร  สมควรวางตัวอย่างไรให้ถูกกาลเทศะ  เราจะได้บุญกุศล  รวมทั้งการไม่ทำชั่วอีกด้วย  แต่ถ้าเรามีงานที่ไม่อยู่ในสัมมาอาชีวะจะทำอย่างไร  คำตอบคือ  เปลี่ยนงานดีที่สุด  แต่ถ้าทำไม่ได้  ต้องทำความดีให้มาก  มากกว่าความชั่วที่ทำ  กลางวันรักษาศีลไม่ได้  กลางคืนก็รักษาศีลให้ได้  หรือรักษาเป็นบางวัน  หมั่นให้ทาน  หมั่นสวดมนต์  หมั่นทำสมาธิ  เจริญภาวนา  ให้กำลังบุญมีมาก  กรรมชั่วจะตามมาได้
DSC04368.JPGช้าลง
                                


          เราควรหมั่นทำบุญ  บุญทำได้หลายวิธี  พระพุทธองค์ทรงสอนสิบวิธี  ได้แก่  ทำทาน  ศีลการเจริญภาวนา  ขวนขวายในงานที่เป็นบุญ  สุภาพอ่อนน้อม  ให้ส่วนบุญ  อนุโมทนาบุญ  หรือยินดีในบุญที่คนอื่นทำมา  สอนธรรม  ฟังธรรม  และมีสัมมาทิฐิ  คือความเห็นความเชื่อที่ถูกต้อง  ทั้งหมดนี้เป็นบุญ
DSC04210.JPG       การทำทาน  อาจจะเป็นการให้ทานสัตว์ด้วยความเมตตา  สงสาร  ความเมตตาสงสารเป็นบุญที่มีอานิสงส์สูงมาก  มากกว่าทานทุกชนิด  มากกว่าศีลเสียอีก




นางสงบ  จันทรเสนา  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้าน
โนนสมบูรณ์  ชื่นชมผลงานวิชาการนักเรียน ชั้น ป. 5
        เรายังควรทำบุญกับคนด้อยโอกาส  กับคนที่ต้องการความช่วยเหลือและกับพระสงฆ์องค์เจ้า  ในสิ่งที่ท่านขาดแคลนและจำเป็น  การถวายเป็นสังฆทานหรือวิหารทาน 
DSC03577.JPG(ได้แก่สิ่งก่อสร้างในวัด  เช่น  โบสถ์  วิหาร  ศาลา  ส้วม) จะได้บุญมากในการทำทาน  สำหรับเรื่องของการให้ทาน  พระพุทธองค์ทรงสอนว่าให้ทานบ่อย ๆ  ไม่ได้สอนว่าต้องให้ทานมาก ๆ  แต่ควรให้บ่อย ๆ  ไว้เป็นนิจ  ใจจะได้อยู่ในการทำบุญเป็นประจำ  เรียกว่า  ทำเป็นอาจิณกรรม





อ.ประเทือง  นางสิริพร  นายคำไพ  ไปทำบุญที่วัด
            สิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ  อีก  คือ  การอนุโมทนาบุญ  เวลาใครเขาทำบุญมา  เราอย่าตำหนิ  อิจฉา  อย่าหมั่นไส้  อย่าคิดว่าเขาโอ้อวด  อย่าคิดว่านั่นบุญเล็ก  นั่นบุญใหญ่  แต่ให้เรายินดีในบุญนั้น  เรียกว่าอนุโมทนาบุญ  จะเอ่ยคำว่า  อนุโมทนาด้วย  หรือสาธุก็ได้  หรือไม่เอ่ยก็ได้  เมื่อเรายินดีในบุญนั้น   เราได้บุญแล้ว  อย่างง่ายดาย
DSC03566.JPG           สำหรับสิ่งที่เราควรฝึกตนให้ทำได้ทุกวันอีกประการ  เพราะเป็นบุญใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือ  การสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอน  ถ้าสวดในตอนเช้าได้ด้วยยิ่งดี 




นางสิริพร  อ.ประเทือง สวดมนต์สรรเสริญพระพุทธคุณ
             กาสวดมนต์ที่ดีและสั้นที่สุดคือ  สวดนะโมสามจบ  และสรรเสริญพระพุทธคุณ  คือ  อิติปิโส  ภควา...
พระธรรมคุณ  คือ  สวากขาโต...และพระสังฆคุณ  คือ  สุปะฏิปันโน....นอกจากนี้  เราจะสวดบทพาหุงมหากา  หรือพระคาถาชินบัญชร  ด้วยก็ได้  ท่านใดถึงขั้นทำวัตรเช้าเย็นและมีคำแปลจะยิ่งดีมาก  เพราะในการทำวัตรพร้อมไปด้วย  ศีล  สมาธิ  และปัญญา  มีอานิสงส์สูงที่สุด
DSC02449.JPG 



                                                     


นางสิริพร  สวดมนต์ที่วัดโพธิสมพร  จังหวัดอุดรธานี
        สิ่งสำคัญ  เราต้องเชื่อมั่นในพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  และบาปบุญคุณโทษ  เมื่อมีสุข  ให้รับความสุขได้เต็มที่  และคิดเสมอว่ามันไม่เที่ยง  อย่าประมาท  ให้หมั่นทำดีไว้เมื่อมีทุกข์  ถ้าเป็นความทุกข์ใจก็ไม่ต้อแบกรับ  ให้ปล่อยวาง  โดยยึดหลักธรรมะ  ว่าไม่มีอะไรเป็นตัวเราของเรา  ทุกคนต้องพลัดพราก  และไม่มีอะไรแน่นอน  เราตายเมื่อไรก็ได้ปล่อยวางไปเถอะ  ส่วนทุกข์กายเราต้องรับไว้  เพราะเรายังมีร่างกายอยู่  แต่แก้ไขปรับปรุงได้ด้วยการรักษา  ด้วยการทำความดีให้มากขึ้นเป็นอเนกอนันต์  จะทำให้ทุกข์นั้นทุเลาเบาบางไปได้บ้างเช่นกัน
DSC04366.JPG
 




        สุดท้ายนี้ขอจบด้วยพระคาถาของพระอัสสชิ  ที่ทรงสอนพระสารีบุตร  ในสมัยที่พระสารีบุตรเป็นชาวบ้าน  ครองเรือน  เมื่อได้ฟังแล้ว  พระสารีบุตรตัดกิเลสละเอียดได้  เป็นพระอริยบุคคล  คือ  พระโสดาบัน  ในขณะเป็นชาวบ้านครองเรือนนี้เอง  พระคาถานี้  เป็นคำสรุปคำสอนของพระพุทธเจ้า  มีดังนี้
         “เย  ธมฺมา  เหตุปฺปทวา   เยสํ  เหตุ  ตถาคโต
          เตสญฺจ  โย  นิโรโธ จ    เอวํ  วาที มหาสมโณ”
         “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ  พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น  และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น  พระมหาสมณะมีปกติ  ทรงสั่งสอนอย่างนี้”
DSC04173.JPG
 




ภาพประกอบคำบรรยาย
DSC04173.JPG
 

                                          นางสิริพร  ถวายพระพุทธรูป
                                          แด่  หลวงปู่เสน  ปัญญาธโร


DSC08364.JPG
 

                                            พระอาจารย์สุริยัน  สุทันโต
                                                            พาจาริกตามวัดในภาค
                                                            อีสาน

DSC01804.JPG
 

                                                           นางสิริพร  พานักเรียน
                                                            ไปเรียนรู้การสานหวดข้าว
                                                             กับผู้สูงอายุในชุมชน
DSC04368.JPG
 

                                                            นายคำไพ  ทาชาติ  มอบ
                                                          ภาพวาด ให้  ดร. กฤษณพงศ์
                                                            ศรีพงษ์พันธุ์กุล
                                                           ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าว
                                                           กรมการข้าว
บรรณานุกรม

การศาสนา,กรม.   (2538).การวิจัยทางด้านการศาสนา. กรุงเทพฯ:  
                     โรงพิมพ์การศาสนา.
การศาสนา, กรม.  (สิริ เพ็ชรไทย ป.., บรรณาธิการ). (2530).  
                     พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับสังคายนา
                      ในพระบรมราชูปถัมภ์ พุทธศักราช ๒๕๓๐.  
                     กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา.
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.  สำนักงาน. (2545). รายงาน
                     การอภิปรายเรื่อง พุทธธรรม นำการศึกษา
                     ได้อย่างไร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
                     มหาวิทยาลัย.
เจริญผล สุวรรณโชติ.  (2537). ทฤษฎีบริหาร. กรุงเทพฯ: ตาวัน
                    พลับบลิชชิ่ง.
ฉันทนา จันทร์บรรจง.  (2541). การศึกษากับการพัฒนาคุณธรรม.
                    กรุงเทพฯ: ...
เฐียรพงษ์ วรรณปก, ราชบัณฑิต.   (2543). คำบรรยาย
                    พระไตรปิฎก. กรุงเทพฯ: ธรรมสภา.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น