วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

โครงงานศึกษาค้นคว้าของนักเรียน

โครงงานศึกษา
วันสำคัญน้อมนำกระทำดี

ผู้จัดทำ
กลุ่มเยาวชนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ปีการศึกษา  2556

โรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์
อำเภอประจักษ์ศิลปาคม   จังหวัดอุดรธานี


ครูที่ปรึกษาโครงงาน
นางสิริพร  ทาชาติ
ตำแหน่งครู คศ. โรงเรียนบ้านโนนมสมบูรณ์
อำเภอ  ประจักษ์ศิลปาคม  จังหวัดอุดรธานี 
เบอร์โทร  0883382037


สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี  เขต  2
กิตติกรรมประกาศ
   
              ในการจัดทำโครงงานศึกษาวันสำคัญน้อมนำกระทำดี  คณะผู้จัดทำขอขอบคุณ
นางสงบ  จันทรเสนา  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์  ผู้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี  นางสิริพร  ทาชาติ  ครูที่ปรึกษาโครงงานที่ให้คำแนะนำด้านการเขียนโครงงาน  การบันทึกความรู้ที่ทำให้น่าอ่าน  การเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง  การพิมพ์  การออกแบบและเทคนิคการผลิต  นายคำไพ  ทาชาติ  ครูที่คอยช่วยเหลือในการเดินทางไปเก็บข้อมูล จัดหาอุปกรณ์เครื่องถ่ายเอกสาร  กล้องถ่ายรูป  และคณะครูทุกท่านในโรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์ที่ให้กำลังใจในการทำงาน 
               คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณอย่างสูงมา  ณ  โอกาสนี้ที่ทำให้โครงงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี 











บทคัดย่อ

               การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้  มีวัตถุประสงค์  ดังนี้  1) เพื่อศึกษาค้นคว้าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา   2)  เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่ละวัน   3)  เพื่อให้ได้ปฏิบัติจริงในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา   4)  เพื่อให้ได้ประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่น
               ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้คือ  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
               เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้แก่  วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
              ผลการศึกษาในครั้งนี้พบว่า  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ทุกคนได้ศึกษาค้นคว้าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  เกิดความรู้ความเข้าใจรู้จักใจ  นำไปปฏิบัติจริง  และได้รวบรวมความรู้ที่ได้ค้นพบเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้เข้าใจ











โครงงาน วันสำคัญน้อมนำกระทำดี
โดย  กลุ่มเยาวชนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผังมโนทัศน์
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
ขอบเขตของการจัดทำโครงงาน
นิยามศัพท์เฉพาะ
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
 
 


แนวความคิดทฤษฎีและวรรณกรรม
ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำโครงงาน
 
                                        

 














สารบัญ
เรื่อง                                                                                                  หน้า    
กิตติกรรมประกาศ                                                                                    2
บทคัดย่อ                                                                                               3      
ผังมโนทัศน์                                                                                           4
บทที่  1   บทนำที่มาและความสำคัญของปัญหา                                               6      
บทที่  2   แนวความคิดทฤษฏีและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง                                    8                    กับการจัดทำโครงงาน                                                                                 
บทที่  3  ขั้นตอนการจัดทำโครงงาน                                                              10
บทที่  4  การศึกษาวิเคราะห์                                                                     11      
บทที่  5 สรุปผลการจัดทำโครงงาน                                                              12           บรรณานุกรม                                                                                                14    
                                                                            
ภาคผนวก                                                                                              15                                                                                                         








บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
             วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  เป็นวันที่รวมน้ำใจคนในชุมชน  ทุกคนได้มาทำบุญ  ได้มาปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน  ทุกคนในหมู่บ้านได้มีส่วนช่วยให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ต่อไป
              ปัญหาของนักเรียนในปัจจุบัน  คือขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตนให้ถูกต้องในวันสำคัญทางพระพุทธสาสนา 
              จากเหตุผลและความสำคัญดังกล่าว  ผู้ศึกษาค้นคว้าได้ทำการศึกษาค้นคว้าเรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  เพื่อให้สามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในวันดังกล่าว   
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.       เพื่อศึกษาค้นคว้าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  
2.       เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่ละวัน  
3.      เพื่อให้ได้ปฏิบัติจริงในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  
4.      เพื่อให้ได้ประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่น

ขอบเขตของการจัดทำโครงงาน
1.      ขอบเขตด้านพื้นที่  กำหนดพื้นที่ที่ห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
2.      ขอบเขตประชากรที่ศึกษา  คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

นิยามศัพท์เฉพาะ
           วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  หมายถึง  วันที่ตรงกับ  วันที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า เกี่ยวข้องกับพระสาวกหรือเกี่ยวข้องกับข้อบัญญัติหรือวินัยสงฆ์ ซึ่งในวันสำคัญเหล่านี้จะมีการประกอบพิธีบูชา เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงพระรัตนตรัย
           น้อมนำ  หมายถึง  การนำไปใช้โดยกิริยาอ่อนน้อม  เชื่อฟัง  ทำตามด้วยความตั้งใจ
           กระทำดี  หมายถึง  การกระทำที่เป็นประโยชน์ต่อตนและส่วนรวม คนที่คิดดีก็จะพูดดี
และทำดีด้วย  เพราะมีจิตที่เป็นกุศลมองโลกในแง่ดี  ทำความดีเป็นปกติวิสัยอยู่ทุกวัน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.      ได้ศึกษาค้นคว้าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
2.      ได้ปฏิบัติจริง
3.      ได้บุญเกิดความสบายใจ
DSC06154.JPG
 










ทุกคนได้ปฏิบัติจริงในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
DSC06158.JPG
 









บทที่ 2
แนวความคิดทฤษฎีและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำโครงงาน
การดำเนินการโครงงาน
                    ในการจัดสร้างโครงงาน  วันสำคัญน้อมนำกระทำความดี  จำเป็นต้องศึกษา
ค้นคว้าทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง  ดังนี้
-                    วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
-                   การปฏิบัติตนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา


วันสำคัญทางศาสนา
คลิ๊กดูรายละเอียด วันมาฆบูชา
http://www.dhammathai.org/pics/fire1.gif วันมาฆบูชา : โ อ ว า ท ป า ฏิ โ ม ก ข์
ตรงกับวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ในปีอธิกมาส
   เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณภายใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ พระองค์ประทับเสวยวิมุติสุขในเขตปริมณฑลนั้นเป็นเวลา 7 สัปดาห์ จากนั้นจึงเสด็จไปโปรดคณะปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี 


คลิ๊กดูรายละเอียด วันวิสาขบูชา
http://www.dhammathai.org/pics/fire1.gif วันวิสาขบูชา : ประสูติ - ตรัสรู้ – ปรินิพพาน
ตรงกับวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
ความหมาย คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสา - ขบุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน 7 

คลิ๊กดูรายละเอียด วันอัฏฐมีบูชา
http://www.dhammathai.org/pics/fire1.gif วันอัฏฐมีบูชา : วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
ตรงกับ วันแรม 8 ค่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน 6) 
ความหมาย เนื่องด้วยอัฏฐมีคือวันแรม 8 ค่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน 6) เป็นวันที่ถือกันว่าตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เมื่อถึงวันนี้แล้ว พุทธศาสนิกชนบางส่วน ผู้มีความเคารพกล้าในพระพุทธองค์ มักนิยมประกอบพิธีบูชา ณ ปูชนียสถานนั้น ๆ วันนี้จึงเรียกว่า "วันอัฏฐมีบูชา"

http://www.dhammathai.org/pics/6x1gray.gif
คลิ๊กดูรายละเอียด วันอาสาฬหบูชา
คลิ๊กดูรายละเอียด วันเข้าพรรษา
http://www.dhammathai.org/pics/fire1.gif วันอาสาฬหบูชา : พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา
ตรงกับวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
   วันอาสาฬหบูชา เป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา เพราะเป็นครั้งแรกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง พระธรรมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสชิ ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นผู้อุปฐากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่ พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาในครั้งนี้มีชื่อว่า "ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร" ซึ่งได้แก่อริยสัจ 4 ซึ่งหมายถึง ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว โกญฑัญญะ ก็สำเร็จพระโสดา รู้ตามกระแสพระธรรมของพระพุทธเจ้า ดังนั้นจึงนับได้ว่า วันนี้ เป็นวันแรกที่มีพระรัตนตรัยครบเป็นองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า นับเป็นวันแรกที่ พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา
             วันเข้าพรรษา  ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 จนถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
              ตั้งแต่สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงมีพระชนม์อยู่ ได้ทรงเสด็จ ไปยังทุกแห่งหน เพื่อสั่งสอนหลักธรรมอันประเสริฐ จนมีพุทธสาวกมากมาย โดยมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สุขแก่หมู่มวลมนุษย์โลก พระองค์ได้เสด็จไปยังถิ่นทุรกันดาร ในทุกฤดูกาล ต่อมา ปรากฏว่าในช่วงพรรษาหรือช่วงฤดูฝนได้มีผู้ร้องขอต่อพระองค์ว่าได้เกิดความเสียหาย แก่ข้าวกล้าเพราะถูกเหยียบโดยพุทธบริษัท ซึ่งไม่ได้เจตนา ดังนั้นพระองค์จึงออกพุทธบัญญัติกำหนดให้ พระสงฆ์ทุกรูป จำพรรษา เป็นหลักเป็นแหล่งในช่วงฤดูฝน โดยให้เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 จนกระทั่งถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 นับเป็น เวลา 3 เดือน ในวันเข้าพรรษานี้ จะมีการทำบุญตักบาตร ถวายผ้าอาบน้ำฝนและจตุปัจจัยแก่ พระภิกษุ สามเณร รวมทั้งยังมีการ ถวายเทียนพรรษา แก่วัดอีกด้วย 
บทที่  3
ขั้นตอนการจัดทำโครงงาน
                  ขั้นตอนการจัดทำโครงงาน  ก็คือทุกคนให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี  ทำให้เกิดความสามัคคี  งานโครงงานประสบความสำเร็จ  ได้รับการยกย่องจากครูอาจารย์  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  สามารถปฏิบัติตนในวันสำคัญได้ถูกต้อง
การทดสอบ   
           - การใช้เครื่องมือในการจัดทำโครงงานได้เลือกเครื่องมือที่ผู้ศึกษาค้นคว้า  คือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  ได้น้อมนำกระทำดี
           - ผลที่คาดว่าจะได้รับ
    ได้ศึกษาค้นคว้าและดำเนินการในวันสำคัญน้อมนำกระทำความดี
ได้มีความรู้ความเข้าใจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่ละวัน  
ได้ปฏิบัติจริงในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  
ได้เผยแพร่เป็นประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่น
                ในการที่เรานำเครื่องมือแต่ละเครื่องมือมาทำโครงงานนั้นเราหวังว่าเครื่องมือ ที่เรานำมาใช้ในโครงงานของเราจะช่วยให้โครงงานของเราออกมาดี ผู้ศึกษาค้นคว้าสามารถจดจำวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  ได้อย่างแม่นยำ  สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
             -  การที่ผู้จัดทำนำเครื่องมือทางคอมพิวเตอร์นำมาเป็นส่วนประกอบในการจัดทำโครงงาน ก็ทำให้โครงงานของผู้จัดทำมีสีสันและเป็นสิ่งดึงดูดผู้อ่านอีกอย่างหนึ่ง
            - การปรับปรุง
              สำหรับ การปรับปรุงโครงงาน ผู้จัดทำได้เฟ้นหาทั้งเนื้อหาที่น่าสนใจและเครื่องมือที่ช่วยในการทำโครงงาน มีการทดสอบใช้เครื่องมือต่างต่างแต่ถ้าเครื่องมือที่นำมาทดสอบนั้นเราทำไม่ ได้ก็จะปรับปรุงใหม่โดยการหาเครื่องมือที่ทางผู้จัดสามารถทำได้เพื่อนำมา เสนอให้ผู้อ่านได้ศึกษาเพิ่มเติม
บทที่ 4
การศึกษาวิเคราะห์

            ในการจัดทำโครงงานวันสำคัญน้อมนำกระทำดี  มีแผนการจัดทำ  ดังนี้
             การวิเคราะห์ปัญหา  ใช้วิธีการระดมสมองเป็นเทคนิคที่สนับสนุนให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา และวิธีแก้ปัญหา  ความคิดเห็นของทุกคนจะถูกรวบรวม และนำเสนอให้สมาชิกทุกคนได้ทราบ พร้อมทั้งสนับสนุนให้สมาชิกเสนอความคิดเห็นต่อเติมหรือเสริมของกันและกันได้   เมื่อรวบรวมปัญหาและวิธีแก้ไขปัญหาได้แล้ว  ก็นำมาพิมพ์เป็นรูปเล่ม
             การออกแบบสร้างโครงงาน (แผนผัง)  จัดนิทรรศการโครงงาน   แสดงภาพรวมและสรุปย่อสาระสำคัญของโครงงานทั้งหมด  ได้แก่  ชื่อโครงงาน  สถานศึกษา  รายชื่อที่ปรึกษาและกลุ่มเยาวชนผู้รับผิดชอบโครงงาน  บทคัดย่อ  ผังมโนทัศน์  วิธีการดำเนินงาน  ผลการดำเนิน  การประเมินผลสรุป  ข้อเสนอแนะ 
             การประเมินและการปรับปรุง   รายการที่ประเมิน  ดังนี้
                        โครงงานมาจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
                        การนำหลักธรรมและแนวพระราชดำริ/พระราชดำรัสมาใช้ได้อย่างสอดคล้องเหมาะสม  อธิบายเชื่อมโยงได้เป็นเหตุเป็นผล
                       ความคิดความเข้าใจในการศึกษาวิเคราะห์  สอดคล้องกันตลอดสายระหว่าง  ปัญหา-สาเหตุ-เป้าหมาย-วิธีการแก้
                       ความชัดเจนของผังมโนทัศน์  และสาระสำคัญของโครงงาน
                       เอกสารร่างโครงงาน  มีความถูกต้องครบถ้วนของหัวข้อต่าง ๆ
                       คุณประโยชน์ในการแก้ปัญหา  ด้านความเสื่อมทรามทางศีลธรรม
                       ความเป็นไปได้ของร่างโครงงาน  โดยพิจารณาจากเป้าหมาย  วิธีการ 
ดำเนินงาน  ประกอบกับข้อจำกัดด้านบุคคล  ระยะเวลา  งบประมาณ  และปัจจัยต่าง ๆ


บทที่  5
การสรุปผลการจัดทำโครงงานและข้อเสนอแนะ

สรุปผลการทำโครงงาน
1.      นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  
2.       นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่ละวัน  
3.      นักเรียนได้ปฏิบัติจริงในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  
4.      นักเรียนได้ประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่น

ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน
       
1.      ได้ศึกษาค้นคว้าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
2.      ได้ปฏิบัติจริง
3.      ได้บุญเกิดความสบายใจ

แนวทางการพัฒนาโครงงาน
            1.   การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม  วันสำคัญอื่น ๆ  ในชุมชน
            2.   ขยายเครือข่าย  วันสำคัญน้อมนำหระทำดี
            3.   จัดทำหนังสือวันสำคัญประกอบรูปภาพเผยแพร่แก่โรงเรียนอื่น ๆ
            4.   สามารถจัดทำหนังสือเล่มเล็กวันสำคัญน้อมนำกระทำความดี
            5.   มีสถานที่ในการแสดงผลงานแก่ผู้ที่สนใจ
            6.   มีการเผยแพร่ความรู้อย่างรวดเร็ว และสามารถตอบสนองต่อความหลากหลายต่างๆได้ ตัวอย่าง เช่น การจัดตั้งเว็บบอร์ดเพื่อมีการแลกเปลี่ยนความรู้


ปัญหาจากการทำโครงงาน และข้อจำกัดในการทำโครงงาน
            1.  การเริ่มจัดทำโครงงานนั้นต้องศึกษาประเภทของโครงงานให้เข้าใจก่อน
            2.  ผลการทดลองมีปัญหาด้านเวลา  ต้องใช้เวลารอบนอกในวันหยุดราชการ
            3.  ปัญหาทางด้านงบประมาณ  งบประมาณมีจำนวนจำกัด 
DSC06146.JPG








นักเรียนชั้น ป. จัดเตรียมเครื่องสังฆทาน  ไปทำบุญที่วัดในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
DSC06163.JPG
 










นักเรียนได้ปฏิบัติจริงในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
บรรณานุกรม
กรมวิชาการ,  กระทรวงศึกษาธิการ.    คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้
                        สังคมศึกษาศาสนา  และวัฒนธรรม.  กรุงเทพฯ โรงพิมพ์องค์การ
                        รับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์  (ร.ส.พ.),  2545.
http://amic15.igetweb.com/article/art_42084854.jpg
http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipyo/m3/Unit6/img09.jpg





























ภาคผนวก
ความรู้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา












วันสำคัญทางศาสนาพุทธ นิยมระบุตามปฏิทินจันทรคติ โดยปกติจะเป็นวันที่เคยมีเหตุการณ์สำคัญเมื่อครั้งพุทธกาล หรือเมื่อถึงกำหนดต้องปฏิบัติประเพณีสำคัญตามธรรมเนียมในศาสนาพุทธ
วันสำคัญทางศาสนาพุทธที่ชาวพุทธยึดถือมานาน มีดังนี้
·         วันในแต่ละเดือน ได้แก่
·         วันพระ
·         วันโกน
·         วันสำคัญประจำปี ได้แก่
·         วันมาฆบูชา
·         [[วันออกพรรษา]]
·         วันอัฏฐมีบูชา หรือ วันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า

วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
  วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
          ระเบียบพิธี พิธีเวียนเทียน การปฏิบัติตนในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา วันอาสาฬหบูชา
        วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันที่ชาวพุทธทั่วโลกยอมรับนับถือกันว่ามีความสำคัญเกี่ยวข้องโดยตรงกับพระรัตนตรัย และเหตุการณ์สำคัญอื่น ๆ ในรอบหนึ่งปีกำหนดไว้ 6 วัน คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา
 1.วันมาฆบูชา
          มาฆบูชา เป็นชื่อของพิธีบูชา และการทำบุญในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะหรือเดือน 3 ถ้าเป็นปีที่มีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 โดยปกติวันมาฆบูชาจะอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์ เราเรียกวันนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “วันพระธรรม
          ความสำคัญของวันมาฆบูชา
          มาฆบูชาเป็นวันระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญแห่งการประชุมใหญ่แห่งมหาสาวกของพระพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นในสมัยพระพุทธเจ้า 4 อย่างในวันเดียวกัน จึงเรียกว่า วันจาตุรงคสันนิบาต แปลว่าวันเป็นที่ประชุมพร้อมกันแห่งองค์ 4 คือ
          1พระอรหันต์สาวก 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกัน
          2พระภิกษุเหล่านั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุ คือได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า
          3พระภิกษุเหล่านั้นมาประชุมพร้อมกัน โดยมิได้มีการนัดหมาย
          4วันที่ประชุมเป็นวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะหรือเดือน 3
          ในวันนี้พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ คือ หลักการคำสอนที่เป็นใจความสำคัญที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะทรงสอน คือละความชั่ว ทำความดี และทำให้จิตใจบริสุทธิ์” พร้อมทั้งทรงสอนชาวพุทธว่า ต้องมีความอดทน มุ่งความสงบ อยู่ในระเบียบวินัย ตั้งใจแน่วแน่ ทำแต่ความดีมีคุณประโยชน์ ไม่กล่าวว่าร้าย ไม่ทำลายผู้อื่น
          พิธีกรรมในวันมาฆบูชา
          ในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชดำริถึงความสำคัญแห่งจาตุรงคสันนิบาต จึงได้ทรงจัดงานวันมาฆบูชาขึ้นเป็นครั้งแรก การจัดพิธีมีทั้งในส่วนภาครัฐ วัดและประชาชนร่วมกันปฏิบัติธรรม รักษาศีล ฟังเทศน์ เวียนเทียน เช่นเดียวกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอื่น ๆ ต่างกันเฉพาะคำบูชาก่อนเวียนเทียน เพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ความเป็นมาของวันมาฆบูชา พระสงฆ์จะแสดงพระธรรมเทศนาที่เกี่ยวเนื่องกับโอวาทปาฏิโมกข์ เพราะถือว่าเป็นหลักการ และอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกว่า เป็นหัวใจพระพุทธศาสนา
          ข้อควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา
            1น้อมใจระลึกถึงเหตุการณ์คือการประชุมจาตุรงคสันนิบาตในวันมาฆบูชา เพราะเป็นวันที่ประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา และเป็นหลักการเดียวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา คือสอนให้อดทน ไม่ว่าร้าย ไม่ทำลายผู้อื่น เป็นต้น มุ่งสันติภาพถาวรเพื่อประโยชน์สุขแก่มวลมนุษยชาติ วันมาฆบูชายังตรงกับวันที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระทัยไว้ว่า ต่อจากนี้ไปอีก 3 เดือน จะเสด็จปรินิพพานอีกด้วย
          2.ปฏิบัติตนในการบำเพ็ญกุศลเริ่มด้วยทำบุญตักบาตร เข้าวัด รักษาศีล ฟังเทศน์ เจริญภาวนา  กลางคืนนำดอกไม้ธูปเทียนไปเวียนเทียนถวายเป็นปฏิบัติบูชา เมื่อไปวัดควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย มีกิริยาวาจาสุภาพ ไม่ตลกเฮฮา พยายามสำรวมกาย วาจา ใจ คุยกันแต่เรื่องที่เป็นธรรมะเป็นประโยชน์ หรือเรื่องอันชวนให้จิตใจสงบระงับห่างไกลจากโลภ โกรธ หลง ขณะเวียนเทียน 3 รอบนั้น ควรระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย โดยในรอบที่หนึ่งระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า สวดอิติปิ โสฯ รอบที่สอง ระลึกถึงคุณพระธรรม สวด สวากขาโตฯ และรอบที่สาม ระลึกถึงคุณพระสงฆ์ สวด สุปะฏิปันโนฯ หรือจะระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยพร้อมกันทุกรอบก็ได้ ที่สำคัญคือต้องสำรวมกาย วาจา ใจ แสดงความเคารพอย่างแท้จริง
          2วันวิสาขบูชา
          วิสาขบูชา เป็นชื่อของพิธีบูชาและการทำบุญในวันเพ็ญกลางเดือนวิสาขะหรือเดือน 6 ในปีที่มีอธิกมาส วันวิสาขบูชาจะเลื่อนออกไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 7 โดยปกติวันวิสาขบูชาจะอยู่ในเดือนพฤษภาคม เราเรียกวันนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “วันพระพุทธเจ้า
          ความสำคัญของวันวิสาขบูชา
          วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญเพราะในพระประวัติของพระพุทธเจ้า เป็นวันที่พระองค์ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน มาตรงในวันเดียวกัน คือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 จึงถือกันว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่ง หาไม่ได้อีกแล้วในบุคคลอื่น
          เหตุการณ์สำคัญ คือ
          1การประสูติ พระองค์ประสูติ ในวันเพ็ญเดือน 6 ณ บริเวณสวนลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ ปัจจุบันอยู่ในประเทศเนปาล ก่อนพุทธศักราช 80 ปี
          2การตรัสรู้ พระองค์ตรัสรู้อริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ในวันเพ็ญเดือน 6 ณ ตำบลพุทธคยา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในรัฐพิหาร ก่อนพุทธศักราช 45 ปี
          3การปรินิพพาน พระองค์ปรินิพพาน ในวันเพ็ญเดือน 6 ณ ระหว่างไม้สาละทั้งคู่ ใกล้กรุงกุสินารา แคว้นมัลละ ก่อนพุทธศักราช 1 ปี
          เหตุการณ์ทั้งสามนี้เกิดตรงกันพอดีในวันนี้ จึงนับเป็นเป็นมหัศจรรย์ยิ่งนัก และถือกันว่าวันตรัสรู้สำคัญที่สุด ดังนั้น วันวิสาขบูชานับว่าเป็นวันสำคัญที่สุด
          ในประเทศไทย การจัดงานฉลองวันวิสาขบูชาได้มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย ปัจจุบันองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสากลของสหประชาชาติ เพราะเป็นวันให้กำเนิดอารยธรรมมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่

          พิธีกรรมในวันวิสาขบูชา
          วัดต่าง ๆ นิยมจัดให้มีพิธีวิสาขบูชาด้วยการเวียนเทียนและฟังพระธรรมเทศนาเพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา         ถ้าจัดเพื่อนักเรียน นิยมจัดกลางวัน เพื่อให้เสร็จพิธีก่อนค่ำ นักเรียนจะได้กลับบ้านโดยสะดวกและปลอดภัย ถ้าจัดสำหรับประชาชนทั่วไปนิยมจัดกลางคืน เพื่อให้ประชาชนร่วมทำบุญจุดโคมประทีปถวายเป็นพุทธบูชาสว่างไสวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเครื่องหมายว่าปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก ขั้นตอนการดำเนินการมีดังนี้
          1เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระสงฆ์ทั้งวัดและประชาชนที่มาร่วมพิธี พร้อมกันที่หน้าอุโบสถหรือวิหาร โดยเข้าแถวหน้ากระดาน พระสงฆ์อยู่แถวหน้า ประชาชนอยู่แถวถัดไป
          2ทุกคนมีธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม และในมือถือดอกไม้ พนมมืออยู่ในความสงบ
          3พระสงฆ์ผู้เป็นประธานให้โอวาทก่อนแล้วกล่าวนำคำบูชา เริ่มต้นด้วย นะโม และคำบูชาวัน    วิสาขบูชาเป็นภาษาบาลี  โดยกล่าวนำเป็นวรรคสั้น ๆ พระภิกษุนอกนั้นและประชาชนกล่าวตาม
          4เมื่อกล่าวคำบูชาเสร็จแล้ว พระสงฆ์ผู้เป็นประธานจะนำเวียนประทักษิณ โดยให้มือขวาอยู่ทางด้านอุโบสถหรือวิหารเดินเป็นแถว แต่จะเรียงเท่าไรตามความเหมาะสมของบริเวณอุโบสถหรือวิหารเดินเวียน 3 รอบรอบแรกให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ รอบที่ 2 ให้ระลึกถึงพระธรรมคุณและรอบที่ 3 ให้ระลึกถึงพระสังฆคุณ
          5กรวดน้ำแผ่เมตตา เป็นเสร็จพิธี
ข้อควรปฏิบัติของชาวพุทธในวันวิสาขบูชา
          เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณยิ่งใหญ่ 3 ประการของพระพุทธเจ้า คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระกรุณาคุณ พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติดังนี้
          1ตื่นนอนแต่เช้า ชำระร่างกายให้สะอาด แต่งกายให้เรียบร้อยเตรียมทำบุญตักบาตร
          2เมื่อตักบาตรเสร็จ กรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
               3นำอาหารไปถวายที่วัด และรับศีล ฟังธรรมด้วย
          4หากเป็นการสะดวก ควรอยู่รักษาศีล บำเพ็ญภาวนาที่วัดทั้งวัน แต่ถึงอยู่ที่บ้าน ก็ควรรักษาศีล ทำจิตใจให้ผ่องใส
          5ไปเวียนเทียนที่วัดหรือพุทธศาสนสถานอื่น ๆ เช่น พุทธมณฑล และท้องพิธีสนามหลวง
          6ฟังพระธรรมเทศนาเพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา
          7แผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์
          3วันอัฏฐมีบูชา
          อัฏฐมีบูชา เป็นชื่อพิธีบูชาและการทำบุญอันมีในวันที่แปดหลังจากวันวิสาขบูชา เป็นวันระลึกถึงงานถวายพระเพลิงพระบรมสรีระของพระพุทธเจ้า ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ในปัจจุบันไม่จัดเข้าเป็นวันสำคัญในทางราชการ แต่ชาวพุทธบางส่วนถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่ง บางวัดจัดให้มีพิธีทำบุญใหญ่นับเนื่องกับวันวิสาขบูชา จัดพิธีถือศีลประพฤติพรหมจรรย์เริ่มตั้งแต่วันวิสาขบูชาจนกระทั่งถึงวันอัฏฐมีบูชาพิธีกรรมในวันอัฏฐมีบูชา
          พิธีกรรมและข้อควรปฏิบัติในวันอัฏฐมีบูชา ก็มีเช่นเดียวกันกับวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชา ต่างกันเฉพาะคำกล่าวอัฏฐมีบูชาเท่านั้น
           4วันอาสาฬหบูชา
          อาสาฬหบูชา เป็นชื่อพิธีบูชาและทำบุญในวันเพ็ญกลางเดือนอาสาฬหะหรือเดือน 8 ในปีที่มีอธิกมาส จะเลื่อนออกไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 หลัง โดยปกติวันอาสาฬหบูชาจะอยู่ในเดือนกรกฎาคม เราเรียกวันนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “วันพระสงฆ์
          ความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา
          วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญเพราะปรารภเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 3 อย่าง คือ
1เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมครั้งแรกและกัณฑ์แรกชื่อธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือพระสูตรว่าด้วยการหมุนพระธรรมจักร ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย
            2เป็นวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นครั้งแรกในโลก คือพระอัญญาโกณฑัญญะได้ฟังธรรมแล้ว เกิดดวงตาเห็นธรรมและขอบวชในพระพุทธศาสนา
            3เป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบถ้วนบริบูรณ์เป็นครั้งแรก
ใจความสำคัญของปฐมเทศนา
          พระพุทธเจ้าตรัสแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร โดยเริ่มจากทางสุดโต่ง 2 ทาง ได้แก่ ทางที่หย่อน คือ ความหมกมุ่นในกาม มุ่งแสวงหากามสุข ไม่เป็นทางให้ตรัสรู้ได้ ทางที่ตึง คือ การทรมานตนให้ลำบากด้วยประการต่าง ๆ ทำให้เกิดความทุกข์ยากลำบาก ไม่เป็นทางให้ตรัสรู้ได้เช่นเดียวกัน ต่อจากนั้นจึงทรงแสดงทางสายกลาง เป็นทางสายใหม่ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ เป็นทางให้ตรัสรู้และหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ทางนี้ประกอบด้วยองค์ 8 คือ เห็นชอบ คิดชอบ พูดชอบ การงานชอบ ประกอบอาชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจมั่นชอบ
          ต่อจากนั้น ทรงแสดงถึงอริยสัจ 4 ประการ และกิจที่ควรทำเกี่ยวกับอริยสัจ คือ
          1ทุกข์ สภาพที่ทนได้ยาก ได้แก่ การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพราก
          2สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา ความทะยานอยาก
          3นิโรธ ความดับทุกข์ ได้แก่ ความดับตัณหานั้นได้ ทุกข์ก็ดับไป
          4มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่ ทางสายกลางหรืออริยมรรคมีองค์ 8 ประการ
          พิธีกรรมในวันอาสาฬหบูชา
          ในประเทศไทยจัดให้มีการเฉลิมฉลองวันอาสาฬหบูชาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ พ.2501 เป็นต้นมา ภายหลังการจัดงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษงานสมโภชครั้งยิ่งใหญ่ การจัดพิธีอาสาฬหบูชานี้เป็นทั้งพระราชพิธี พิธีของทางราชการ และพิธีของวัดและประชาชน มีพิธีกรรมการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่จัดในวันวิสาขบูชา ต่างกันเฉพาะคำบูชาก่อนเวียนเทียน และการแสดงพระธรรมเทศนาจะแสดงเน้นเรื่องธัมมจักกัปวัตนสูตร ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะของวันอาสาฬหบูชา
          ข้อควรปฏิบัติในวันอาสาฬหบูชา
          เมื่อถึงวันอาสาฬหบูชา ชาวพุทธควรน้อมใจระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย โดยเฉพาะคุณของพระอริยสงฆ์สาวก ตลอดถึงพระภิกษุสงฆ์อื่น ๆ ที่ได้เป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งถือเป็นแบบอย่างของพุทธบริษัทโดยทั่วไปในการศึกษาหลักธรรมคำสอนให้เข้าใจแจ่มชัด น้อมนำไปปฏิบัติให้เกิดผล และสืบทอดเผยแผ่แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป
          สำหรับข้อควรปฏิบัติอื่น ๆ เช่น การไปทำบุญที่วัด การรับศีล การฟังพระธรรมเทศนา การสนทนาธรรมกับพระภิกษุสงฆ์และการเวียนเทียนนั้นก็มีวิธีการปฏิบัติเหมือนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอื่น ๆ ข้างต้น
          5วันเข้าพรรษา
          วันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 พรรษา แปลว่า ฝน หรือปี โดยใจความหมายถึงฤดูฝน ซึ่งถือตามฤดูของอินเดีย มี 3 ฤดู คือ
คิมหันตะ  ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 4 จนถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
วัสสานะ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 8 จนถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
เหมันตะ ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 12 จนถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
          ความสำคัญของวันเข้าพรรษา
          เข้าพรรษา หมายถึง การอยู่ประจำที่ของพระสงฆ์ตลอด 3 เดือนฤดูฝน ซึ่งเป็นธรรมเนียมทางพระวินัย พระภิกษุต้องอยู่ประจำที่วัดใดวัดหนึ่งตามเวลาที่กำหนดไว้ ระยะกาลเข้าพรรษามี 2 ครั้ง คือ เข้าวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ออกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 เรียกว่า เข้าปุริมพรรษาหรือวันเข้าพรรษาต้น และเข้าวันแรม 1 ค่ำเดือน 9 และออกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เรียกว่าเข้าปัจฉิมพรรษาหรือวันเข้าพรรษาหลัง พระสงฆ์ส่วนใหญ่นิยมเข้าพรรษาต้น
พิธีกรรมในวันเข้าพรรษา
          พิธีเข้าพรรษาเป็นพิธีของพระภิกษุโดยเฉพาะ กล่าวคือ เมื่อถึงวันเข้าพรรษานี้ พระภิกษุผู้จะอยู่จำพรรษาในวัดเดียวกันจะประชุมพร้อมกันในอุโบสถซึ่งส่วนมากจะเป็นเวลาเย็น หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเย็นแล้วจะกล่าวคำอธิษฐานว่าจะอยู่ประจำในวัดเดียวตลอดเวลา 3 เดือน โดยจะมีการประกาศบอกอาณาเขตของวัดที่เป็นสถานที่จำพรรษาเพื่อป้องกันไม่ให้พระภิกษุออกไปนอกเขตจนกว่าจะรุ่งอรุณ
          ข้อควรปฏิบัติในเทศกาลเข้าพรรษา
          1ทำบุญตักบาตรที่บ้านหรือที่วัด
          2ไปวัดเพื่อรับศีลและฟังธรรม
          3มีการหล่อเทียนพรรษา หรือซื้อเทียนที่เขาหล่อแล้ว ซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับแสงสว่าง หรือทำบุญอุปถัมภ์ค่าไฟฟ้าถวายวัดในวันก่อนเข้าพรรษาหรือในวันเข้าพรรษาก็ได้
          4ถวายผ้าอาบน้ำฝนหรือไทยธรรม แด่ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาในวัดนั้น ๆ
          5บางท่านถือโอกาสอธิษฐานทำความดีตลอดพรรษา เช่น งดการดื่มสุราหรืองดเว้นอบายมุขทุกประเภท อธิษฐานรักษาศีล 5 หรือศีล 8 และบำเพ็ญสมาธิตลอดพรรษา เป็นต้น
          6วันออกพรรษา
          วันออกพรรษา คือ วันพ้นกำหนดระยะเวลาการเข้าพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ในวันออกพรรษานั้นมีข้ออนุญาตให้สงฆ์ทำปวารณาแทนอุโบสถได้ โดยปกติธรรมดาสงฆ์จะทำอุโบสถสวดปาฏิโมกข์ (คือทบทวนพระวินัย 227 ข้อให้ที่ประชุมสงฆ์ฟังว่า ใครมีข้อบกพร่องอะไรบ้างทุก 15 วัน คือ เดือนละ 2 ครั้ง แต่ในวันออกพรรษานี้ให้ทำปวารณาแทนการสวดปาฏิโมกข์
    พิธีกรรมในวันออกพรรษา
          ในวันออกพรรษา มีการทำปวารณา หมายถึง การเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้เมื่อได้เห็น ได้ฟังหรือรังเกียจสงสัยในความประพฤติของกันและกัน วันออกพรรษาและวันปวารณาเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ก็จริง แต่พระสงฆ์ยังจะต้องอยู่ในวัดนั้นอีกคืนหนึ่ง จึงจะออกจาริกไปค้างแรมคืนที่อื่นได้ ในวันรุ่งขึ้น คือแรมค่ำ 1 เดือน 11 ในวันนี้มีประเพณีทำบุญตักบาตรเป็นพิเศษอีกหนึ่งวัน เรียกว่า ตักบาตรเทโว ย่อมาจาก เทโวโรหณะ แปลว่า ลงจากเทวโลก หมายถึง วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์เทวโลก
          ข้อควรปฏิบัติในวันออกพรรษา
          เมื่อถึงกำหนดวันออกพรรษา พระสงฆ์จะทำปวารณาแทนการทำอุโบสถตามพุทธานุญาต คือ เปิดโอกาสให้มีการแนะนำตักเตือนกันได้ เพื่อให้ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย
          ในส่วนของพุทธศาสนิกชนจะน้อมระลึกถึงความสำคัญของวันนี้ว่าเป็นวันครบกำหนด 3 เดือน ที่พระสงฆ์จำพรรษาบำเพ็ญคุณงามความดีติดต่อกันมา
http://amic15.igetweb.com/article/art_42084854.jpg 






http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipyo/m3/Unit6/img09.jpg
http://cherion.cpportal.net/Portals/0/Gallery/Album/13/KaoPanSa.jpg
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น