วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ดาบวิเศษ

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง  ชาวบ้านส่วนมากยากจนต้องทำงานตลอดวันเพื่อเลี้ยงชีพ  ในบรรดาชาวบ้านเหล่านี้มีครอบครัวของตาเพิ่มและยายน้อยรวมอยู่ด้วย  สองตายายคู่นี้อยู่กินกันมานานแต่ไม่มีลูก  เพิ่งจะมีตอนอายุมากแล้ว  เมื่อคลอดลูกได้ไม่นานยายน้อยก็ด่วนจากไป  ทิ้งลูกอยู่กับตาเพิ่มเพียงลำพังสองคน
            ตาเพิ่มรักและเอ็นดูลูกที่มีเพียงคนเดียว  ทั้งนี้แกยังเชื่อว่าลูกแก  เทวดาส่งมาเกิด  จึงอดดีใจไม่ได้  เมื่อจะไปที่ใดก็มักพาลูกไปด้วยเสมอ  ผู้ใดพบเห็นก็มักจะชมเชยลูกแก  
“เด็กคนนี้น่ารัก  น่าชังจริง ๆ”
            ตาเพิ่มได้ลูกน่ารักเช่นนี้  ทำให้แกลืมความเศร้าเสียใจที่ภรรยาได้ตายไป  เด็กน้อยเลี้ยงง่ายไม่งอแงกวนใจพ่อเหมือนเช่นเด็กอื่น ๆ  สองพ่อลูกจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดมา
            วันหนึ่งตาเพิ่มออกไปทำสวนแต่เช้าและผูกเปลให้ลูกนอนใต้ต้นไม้ใหญ่เหมือนทุกวัน  แต่แล้วเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น  เมื่อตาเพิ่มกลับจากทำสวน  แกจะอุ้มลูกขึ้นก็เห็นแมงป่องตัวใหญ่นอนอยู่ในเปลกับลูกด้วย  จึงอุทานขึ้นว่า  “แย่แล้วเราจะทำยังไงดี”  แกจึงค่อยๆ  เดินไปหยิบไม้มาหมายจะตีแมงป่องให้ตาย  แต่ก่อนที่แกจะตีแมงป่องนั้นพลันเกิดลมพายุพัดแล้วก็มีเสียงอันดังก้องออกมาจากท้องฟ้าว่า
            “อย่ากลัวเราไปเลย  เราไม่ทำอะไรท่านหรอก  เราเห็นท่านเป็นคนดีมีเมตตา  จึงมาช่วยคุ้มครองลูกของท่าน”  ตาเพิ่มจึงนั่งลงพร้อมทั้งประนมมือไหว้  เทวดาทำนายทายทักทักทารก 
พร้อมทั้งยื่นดาบศักดิ์สิทธิ์ให้ตาเพิ่มมอบให้กับเด็กน้อย  เป็นอาวุธติดกายไว้เมื่อโตขึ้น  ทั้งยังกำชับว่า  “ดาบที่ให้เป็นดาบวิเศษ  สามารถให้ทุกสิ่งตามที่ร้องขอ  มีข้อแม้คือผู้ที่จะใช้ดาบนี้ต้องเป็นคนดี  มีคุณธรรม  ทำแต่ความดี  ถ้าเอาดาบวิเศษนี้ไปใช้ในทางที่ผิดดาบนี้จะกลายเป็นงูใหญ่  รัดบุคคลนั้นตาย”
            ผ่านไปหลายปีเด็กน้อยเติบใหญ่เป็นหนุ่มฉกรรจ์มีสติปัญญาเป็นเลิศ  เขาช่วยพ่อทำงานที่สวนทุกวันโดยไม่เกี่ยงงานหนักเบา  และไม่หวังพึ่งดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มา  เขาบอกกับตัวเองว่า  “เกิดเป็นคนทั้งที  อย่าอาศัยโชคช่วย  ทำด้วยตนเองเป็นดีที่สุด  ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น”  และด้วยคติที่เขายึดถือนี้  ทำให้คนในหมู่บ้านยกย่องเขา”
            หลายปีผ่านไป  เกิดเหตุฝนแล้ง  ไม่มีน้ำทั้งเมือง  เรือกสวนไร่นา  พืชผลทางการเกษตรเสียหาย  สัตว์  และผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก  พระราชาผู้ครองนครไม่สามารถหาทางแก้ไขได้  ประกาศหาคนช่วยโดยมีข้อแม้ว่า  ถ้าผู้ใดสามารถแก้ไขความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นได้เร็วที่สุด  พระองค์จะให้ผู้นั้นอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาเป็นสิ่งตอบแทน 
           มีประชาชนมากมาย  เจ้าชายจากเมืองต่าง ๆ  นักบวช  ต่างมาสมัครเป็นจำนวนมาก  ทุกคนต่างคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำของภูตผีปีศาจ  ไม่ใช่เหตุจากธรรมชาติ  แต่ทุกคนก็ไม่สามารถแก้ไขได้ 
           นานวันประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น  พระราชาให้มหาดเล็กออกป่าวประกาศรอบเมือง  ทุกหมู่บ้านเพื่อหาคนมีฝีมือมาแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
         “กระจองงอง ๆ  เจ้าข้าเอย  ใครเป็นคนดีมีฝีมือให้ไปอาสา  เพื่อช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากภัยแล้งด้วยเถิด”
           ชายหนุ่มได้ทราบเรื่องจึงอาสา  พร้อมนำดาบไปด้วย   
           เมื่อเข้าเฝ้าพระราชากล่าวกับเขาว่า
           “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะช่วยได้  เพราะผู้คนที่อาสามาแก้ไขต่างก็ผิดหวังกลับไปทุกคน  ขนาดผู้ที่มีวิชาแก่กล้ายังถอยกลับไปเลย”
           “ข้าพเจ้ามั่นใจพะยะค่ะ”  ชายหนุ่มตอบและทูลว่าเขาขอเวลา  2  วัน  โดยขอให้พระราชาสร้างศาลเพียงตาและเครื่องเซ่นไหว้  อาหารคาวหวาน  ชายหนุ่มแต่งกายด้วยสีขาว  นั่งทำพิธีพร้อมทั้งนำดาบออกมาจุ่มในแม่น้ำที่แห้งขอด  ทันใดนั้นก็เกิดแสงแปลบ  และฟ้าผ่าลงกลางแม่น้ำ  น้ำผุดขึ้นจากรอยแตกของพื้น  เกิดเป็นแม่น้ำใหญ่
           ชายหนุ่มวักน้ำขึ้นดื่ม  น้ำนั้นจืดสนิท  เขาจึงกลับไปทูลพระราชาและลากลับ  โดยไม่หวังรางวัลใด ๆ  ทั้งสิ้น  แต่พระราชาไม่ทรงยินยอม  เมื่อกล่าววาจาไปแล้วท่านก็รักษาคำพูดพระองค์
ยังคงที่จะพระราชทานรางวัลให้
           “เป็นบุญของข้าที่ได้สนองคุณแผ่นดิน  การกระทำครั้งนี้  ข้าทำโดยไม่หวังผลใด ๆ 
ตอบแทน  เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง”
           แต่พระราชากล่าวว่า  “เจ้าเป็นคนดี  มีความสามารถ  ขออย่าได้ขัดประสงค์ของเราเลย”  แล้วจึงหันไปสั่งอำมาตย์ให้เตรียมจัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้น  ชายหนุ่มไม่สามารถเลี่ยงได้  จึงตอบตกลงตามพระสงค์ของพระราชาทุกประการ
           จากนั้นไม่นาน  ชายหนุ่มจึงอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาและได้ทรัพย์สมบัติเป็นสิ่งตอบแทน  เขารับบิดามาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสืบไป
           นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ผู้มีคุณธรรมและความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี
                        มีความกตัญญู             คือเป็นผู้รู้บุญคุณ
                        กายใจได้รับบุญ           ช่วยอุดหนุนเพิ่มพูนจริง
                        จิตใจให้ผ่องใส             ทำให้ได้ความดียิ่ง
                        สรรเสริญทั้งชายหญิง     ผู้ทำสิ่งกตัญญู





      










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น