กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านส่วนมากยากจนต้องทำงานตลอดวันเพื่อเลี้ยงชีพ ในบรรดาชาวบ้านเหล่านี้มีครอบครัวของตาเพิ่มและยายน้อยรวมอยู่ด้วย สองตายายคู่นี้อยู่กินกันมานานแต่ไม่มีลูก เพิ่งจะมีตอนอายุมากแล้ว เมื่อคลอดลูกได้ไม่นานยายน้อยก็ด่วนจากไป ทิ้งลูกอยู่กับตาเพิ่มเพียงลำพังสองคน
ตาเพิ่มรักและเอ็นดูลูกที่มีเพียงคนเดียว ทั้งนี้แกยังเชื่อว่าลูกแก เทวดาส่งมาเกิด จึงอดดีใจไม่ได้ เมื่อจะไปที่ใดก็มักพาลูกไปด้วยเสมอ ผู้ใดพบเห็นก็มักจะชมเชยลูกแก
“เด็กคนนี้น่ารัก น่าชังจริง ๆ”
ตาเพิ่มได้ลูกน่ารักเช่นนี้ ทำให้แกลืมความเศร้าเสียใจที่ภรรยาได้ตายไป
เด็กน้อยเลี้ยงง่ายไม่งอแงกวนใจพ่อเหมือนเช่นเด็กอื่น ๆ สองพ่อลูกจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดมา
วันหนึ่งตาเพิ่มออกไปทำสวนแต่เช้าและผูกเปลให้ลูกนอนใต้ต้นไม้ใหญ่เหมือนทุกวัน แต่แล้วเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อตาเพิ่มกลับจากทำสวน
แกจะอุ้มลูกขึ้นก็เห็นแมงป่องตัวใหญ่นอนอยู่ในเปลกับลูกด้วย จึงอุทานขึ้นว่า “แย่แล้วเราจะทำยังไงดี” แกจึงค่อยๆ
เดินไปหยิบไม้มาหมายจะตีแมงป่องให้ตาย
แต่ก่อนที่แกจะตีแมงป่องนั้นพลันเกิดลมพายุพัดแล้วก็มีเสียงอันดังก้องออกมาจากท้องฟ้าว่า
“อย่ากลัวเราไปเลย เราไม่ทำอะไรท่านหรอก เราเห็นท่านเป็นคนดีมีเมตตา จึงมาช่วยคุ้มครองลูกของท่าน” ตาเพิ่มจึงนั่งลงพร้อมทั้งประนมมือไหว้ เทวดาทำนายทายทักทักทารก
พร้อมทั้งยื่นดาบศักดิ์สิทธิ์ให้ตาเพิ่มมอบให้กับเด็กน้อย เป็นอาวุธติดกายไว้เมื่อโตขึ้น ทั้งยังกำชับว่า “ดาบที่ให้เป็นดาบวิเศษ สามารถให้ทุกสิ่งตามที่ร้องขอ มีข้อแม้คือผู้ที่จะใช้ดาบนี้ต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม
ทำแต่ความดี
ถ้าเอาดาบวิเศษนี้ไปใช้ในทางที่ผิดดาบนี้จะกลายเป็นงูใหญ่ รัดบุคคลนั้นตาย”
ผ่านไปหลายปีเด็กน้อยเติบใหญ่เป็นหนุ่มฉกรรจ์มีสติปัญญาเป็นเลิศ
เขาช่วยพ่อทำงานที่สวนทุกวันโดยไม่เกี่ยงงานหนักเบา และไม่หวังพึ่งดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มา เขาบอกกับตัวเองว่า “เกิดเป็นคนทั้งที อย่าอาศัยโชคช่วย ทำด้วยตนเองเป็นดีที่สุด ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น” และด้วยคติที่เขายึดถือนี้ ทำให้คนในหมู่บ้านยกย่องเขา”
หลายปีผ่านไป เกิดเหตุฝนแล้ง ไม่มีน้ำทั้งเมือง เรือกสวนไร่นา
พืชผลทางการเกษตรเสียหาย
สัตว์
และผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
พระราชาผู้ครองนครไม่สามารถหาทางแก้ไขได้
ประกาศหาคนช่วยโดยมีข้อแม้ว่า
ถ้าผู้ใดสามารถแก้ไขความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นได้เร็วที่สุด
พระองค์จะให้ผู้นั้นอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาเป็นสิ่งตอบแทน
มีประชาชนมากมาย เจ้าชายจากเมืองต่าง ๆ นักบวช
ต่างมาสมัครเป็นจำนวนมาก
ทุกคนต่างคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำของภูตผีปีศาจ ไม่ใช่เหตุจากธรรมชาติ แต่ทุกคนก็ไม่สามารถแก้ไขได้
นานวันประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น
พระราชาให้มหาดเล็กออกป่าวประกาศรอบเมือง
ทุกหมู่บ้านเพื่อหาคนมีฝีมือมาแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
“กระจองงอง ๆ เจ้าข้าเอย
ใครเป็นคนดีมีฝีมือให้ไปอาสา เพื่อช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากภัยแล้งด้วยเถิด”
ชายหนุ่มได้ทราบเรื่องจึงอาสา พร้อมนำดาบไปด้วย
เมื่อเข้าเฝ้าพระราชากล่าวกับเขาว่า
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะช่วยได้
เพราะผู้คนที่อาสามาแก้ไขต่างก็ผิดหวังกลับไปทุกคน ขนาดผู้ที่มีวิชาแก่กล้ายังถอยกลับไปเลย”
“ข้าพเจ้ามั่นใจพะยะค่ะ” ชายหนุ่มตอบและทูลว่าเขาขอเวลา 2 วัน
โดยขอให้พระราชาสร้างศาลเพียงตาและเครื่องเซ่นไหว้ อาหารคาวหวาน
ชายหนุ่มแต่งกายด้วยสีขาว
นั่งทำพิธีพร้อมทั้งนำดาบออกมาจุ่มในแม่น้ำที่แห้งขอด ทันใดนั้นก็เกิดแสงแปลบ และฟ้าผ่าลงกลางแม่น้ำ น้ำผุดขึ้นจากรอยแตกของพื้น เกิดเป็นแม่น้ำใหญ่
ชายหนุ่มวักน้ำขึ้นดื่ม น้ำนั้นจืดสนิท เขาจึงกลับไปทูลพระราชาและลากลับ โดยไม่หวังรางวัลใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่พระราชาไม่ทรงยินยอม
เมื่อกล่าววาจาไปแล้วท่านก็รักษาคำพูดพระองค์
ยังคงที่จะพระราชทานรางวัลให้
“เป็นบุญของข้าที่ได้สนองคุณแผ่นดิน การกระทำครั้งนี้ ข้าทำโดยไม่หวังผลใด ๆ
ตอบแทน เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง”
แต่พระราชากล่าวว่า “เจ้าเป็นคนดี
มีความสามารถ
ขออย่าได้ขัดประสงค์ของเราเลย”
แล้วจึงหันไปสั่งอำมาตย์ให้เตรียมจัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้น ชายหนุ่มไม่สามารถเลี่ยงได้ จึงตอบตกลงตามพระสงค์ของพระราชาทุกประการ
จากนั้นไม่นาน
ชายหนุ่มจึงอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาและได้ทรัพย์สมบัติเป็นสิ่งตอบแทน เขารับบิดามาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสืบไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้มีคุณธรรมและความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี
มีความกตัญญู คือเป็นผู้รู้บุญคุณ
กายใจได้รับบุญ ช่วยอุดหนุนเพิ่มพูนจริง
จิตใจให้ผ่องใส ทำให้ได้ความดียิ่ง
สรรเสริญทั้งชายหญิง ผู้ทำสิ่งกตัญญู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น